วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวเขาใหญ่ - วังน้ำเขียว

หน้าหนาวเที่ยวไหนดี

เที่ยวเขาใหญ่ - เที่ยววังน้ำเขียว

กางเต้นท์ ดูดาว หนาวเย็นจับใจ กับเส้นทางเหงาๆ เขาใหญ่-วังน้ำเขียว

กางเต้นดูดาวที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เดินทางต่อด้วยเส้นทางวังน้ำเขียว หลงทาง จิบไวน์ ชมไร่องุ่น 

ออกเดินทางจากกรุงเทพใช้เส้นทางพหลโยธิน - ออกถนนมิตรภาพ - แยกขวาถนนธนะรัชต์ (ช่วงปากช่อง)  มุ่งหน้าขึ้นเขาใหญ่ ใช้เวลาไม่ถึง 3ชั่วโมง

เส้นทางสู่เขาใหญ่ ขับรถกินลม กางเต้นท์ดูดาว ที่เขาใหญ่

คืนนี้ฝนจะนอนกางเต้นที่นี่       หนีจากอะไรบ้างอย่างงั้นหรอ???   ป่าวซะหน่อย!!!



ชั้นมาทำอะไรที่นี่ ที่เขาใหญ่
คืนนี้พักค้างคืนนอนที่นี่ บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บริเวณจุดกางเต้นลำตะคอง ที่นี่ปลอดภัยคะ มีพี่ๆทหารอยู่ทั้งคืน ไม่น่ากลัว มีกองอำนวยการบริการสำหรับให้เช่าเต้นท์ เครื่องนอน หรือถ้าเอาเต้นท์ไปเอง ก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเลือกจุดที่จะกางเต้นท์ได้เลยคะ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ สะดวกมากๆ  สามารถแคมปิ้งเล็กๆ   ปิ้ง ย่าง อาหารได้ด้วย  แต่เมื่อทำทานแล้ว ก็เก็บข้าวของให้มิดชิดนะคะ เพราะตอนกลางคืนจะมีกวาง เม่น ออกมาหาอาหารบ้างเล็กน้อย  
       !!!!!!!!!ทั้งหมดนี้..ขอให้ช่วยกันรักษาความสะอาด และใช้น้ำอย่างประหยัดด้วยนะคะ!!!!!!!!!!!!




ค้างคืนที่เขาใหญ่ กางเต้นท์ ดูดาว


กับบ้างอย่างที่เราไม่มีทางออก เราอาจต้องใช้เวลากับตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิม

หาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
ถามตัวเองใหม่ว่าจุดที่เรายืนอยู่ เรามีความสุขกับมันจริงๆหรอ
หากไม่ใช่... หาจุดยืนใหม่ดีกว่ามั้ย?????

ใช่.. การหนีไม่ใช่สิ่งที่ดี
ถ้างั้นเรียกว่า กลับมาตั้งหลักล่ะกัน
ตั้งหลักให้มั่นคง
แล้วสู้กันใหม่!!!!

ลืมอดีตซะ...ถ้ามันทำให้เราเจ็บปวด
"ถ้าเราไม่ลืมเมื่อวาน..    แล้วพรุ่งนี้ เราจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร"
วันพรุ่งนี้..ยังรอเราอยู่



จุดชมวิว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

เช้านี้อากาศหนาวเย็นดีคะ  9อาศา (3พย.56)    หนาวจับใจดีจริงๆ 

วันนี้เราจะเดินทาง เส้นทางเที่ยววังน้ำเขียว แวะเที่ยวไปเรื่อยๆ  (ไม่ได้แพลนไว้ แฮะ แฮะ!!!)

ก็เริ่มจากลงเขาก่อนล่ะกัน ทานอาหารเช้า กับเช้าที่หนาวเย็นอย่างนี้ โจ้กอุ่นๆ  กับกาแฟร้อนๆ 

เอาหละพร้อมกันนะคะ ไปล่ะนะ.....  ตั้งหลักก่อน!!!!  
พอลงมาถึงปากทางขึ้นอุทยาน ถนนธนะรัชต์ ก็เลี้ยวขวา (ตอนขามาจะเลี้ยวซ้ายก่อนขึ้นอุทยาน)






ไปทางวังน้ำเขียว ขับไปเรื่อยๆ  อากาศเย็นสบายดีคะ  จะเที่ยงแล้วยังใส่เสื้อกันหนาวอยู่เลย  เปิดกระจกรถ ไม่ต้องเปิดแอร์ สูดอากาศบริสุทธิ์  ให้สมองโล่งๆ ชาร์จพลังให้เต็มที่ 

เส้นทางนี้  เป็นเส้นทางที่สวย  ตลอดทางมีหมู่บ้าน ทุ่งข้าวโพด ทุ่งนา  
มีที่พักสวยๆ เยอะมากคะ แนวทัชคานี่ ก็เยอะ แนวเกสเฮ้า โฮมสเตย์ ก็มี  
มีที่นึงที่ผ่าน อาลังการมากกกกกกก ชื่อ Toscana (ทอสคาน่า) ลักษณะเป็นเมืองเลยทีเดียว
อยากพักที่นี่จังแฮะ ^ ^ 



ตลอดทางที่ขับมา จะมีป้ายโฆษณา บอกทาง เยอะมาก  แต่มีที่นึงที่สะดุดตา สะดุดใจ
"Alcidini"  ที่สะดุดตา เพราะอ่านไม่ออก  5 5 5555   เอาหละ..ไปที่นี่ละกัน!!!

ไปไม่ยากคะ.. เพราะมีป้ายบอกตลอดทาง  หรือไปตามป้าย "ตลาดน้ำเขาใหญ่" ก็ได้ ทางเดียวกัน
จากปากทางแยกหน้าอุทยานเขาใหญ่ มาถึงทางแยกเข้าประมาณ 18กม.
และขับเข้าไปอีกประมาณ 10กม.




พอมาถึง  โอ้แม่เจ้า!!!  นี่มันสวรรค์ชัดๆ !!!
สวยมาก  เย็นมาก  บรรยายไม่ถูก

ยังไม่ทันลงจากรถ ก็มีเสียงนุ่มๆใจดีของ "มามี่" เจ้าของ Alcidini  ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง เธอชวนให้ดูดอกไม้ที่เธอปลูก ดอก Busy lizzy ดอกไม้ที่ขึ้นง่ายได้เอง สวย เหมือนพรมดอกไม้เลย
เธอปลูกไว้เต็มบริเวณที่เรามองเห็นทุกจุดจริงๆ    - อากาศหนาวเย็น สบาย โล่งดีจริงๆ 

Alcidini 


Alcidini 


Alcidini 


มามี่พาเดินชมรอบๆ บริเวณ แนะนำโน้น นี่ นั้น อย่างมีความสุข เธอเล่าให้ฟังว่าเธอไปอยู่อเมริกา แล้วก็ตั้งถิ่นฐานที่อเมริกามานานนับ10ปี  และลูกชายของเธอได้เรียนทำไวน์ที่อเมริกา จึงกลับมาผลิตไวน์เองที่นี่ (ลูกชายของเธอยังโสดนะจร้าาาาา แถมหล่อมากๆ ด้วย)  ที่ดินผืนนี้เธอมาบุกเบิกเมื่อ 17ปีก่อน ค่อยๆพัฒนามาเรื่อยๆ จนสวยอย่างทุกวันนี้

Alcidini 
Alcidini 
Alcidini 

หลังจากนั้น มามี่ก็ชวนไปชิมไวน์ และน้ำองุ่น (นี่แหละที่รอคอย  5 5 5 555)
ไม่ใช่อะไรน๊าาาา  อากาศตรงนี้มันหนาวนี่นา ^ ^

ทุกขวด ทุกแก้ว มามี่ให้ชิมฟรีคะ ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ใจดีมากๆ

มามี่เล่าให้ฟังว่า ไวน์ของเธอได้รับรางวัลชนะเลิศ อันดับ3 จากงานไวน์ระดับโลกด้วยนะคะ
และคอนเฟิร์มคะ ว่าไวน์ที่นี่รสชาติดีจริงๆ 

ขอเฉลยความฉลาดของฝนนะคะ     ^o^  Alcidini  เค้าอ่านว่า  อัลซิดินี่   ^o^  









ตลอดการสนทนากับ มามี่ เจ้าของ Alcidini  เธอบอกเล่าทุกอย่าง อย่างเป็นกันเอง น่ารักมากๆ
ฝนใช้เวลาอยู่ที่นี่ 4ชั่วโมงกว่า  นานมากกกก  บอกตรงๆคะ  ว่ามีความสุขที่สุดในช่วงนี้!!!

มีคำถาม, ไปไม่ถูก, คลิ๊กนี่เลย 





" ช่วงเวลาความสุขของใครบางคน
อาจเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อีกคนกำลังทรมาน "





Alcidini ไร่องุ่น แหล่งไวน์ชั้นดี



เก็บความประทับใจทั้งหมดไว้เป็นพลัง และกำลังใจต่อไปนะจ๊ะ ฝน!!!       สู้...สู้


ไปกันต่อ...
ไปไหนต่ออ่ะ???    - ขับไปเรื่อยๆ ล่ะกัน -

ขับย้อนกลับมาบนถนนหลักวังน้ำเขียว   ขับไปตามเส้นทาง วังน้ำเขียวคะ  
ลมยังเย็นสบายอยู่เลย  ขับรถปิดแอร์ เปิดกระจก เปิดเพลงดังๆ   ^o^

นี่ก็จะเย็นแล้ว แวะทานที่นี่ ล่ะกัน ริมเขื่อนลำพระเพลิง 

เหงาจัง







กับทริปนี้ อาจจะดูเหงาๆ ไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าไม่สนุก!!!

แต่เชื่อเถอะคะ ถ้าคุณลองได้ไปกับเพื่อนๆ คนรัก หรือครอบครัว

คงไม่เหงาเหมือนฝนแน่ๆ   และจะสนุกจริงๆ 
^ ^

การเดินทาง แบบไม่มีจุดหมายปลายทาง
อาจทำให้ไม่ได้ดั่งใจเราทุกอย่าง
หลงบ้าง เลยบ้าง  เสียเวลาบ้าง
แต่คุณจะได้เรียนรู้  ได้รู้จัก และสัมผัสสิ่งใหม่ๆ
และคุณจะภูมิใจ ที่ได้สิ่งเหล่านั้นกลับมา
อย่างที่คุณไม่ได้ตั้งใจ
^ ^





ขอบคุณแผ่นดินไทย
ขอบคุณประเทศไทย








วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เรารักในหลวง

พวกเรารักในหลวง พวกเราหวงประชาธิปไตย 
พวกเราจะขับไล่..ไอ้ทรราช!!!
ใครไม่รักพ่อ ใครไม่รักแผ่นดินเกิด ก็ให้มันไปหาแผ่นดินใหม่อยู่
อย่ามาอยู่ให้หนักแผ่นดินไทย!!!






















วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

The Venezia Hua-Hin (วาเนเซีย หัวหิน)


The Venezia Hua-Hin (วาเนเซีย หัวหิน)

ใครๆ ก็ไปกัน Shopping Mall แห่งใหม่ของเมืองหัวหิน
เราก็ต้องไปบ้างอะไรบ้าง ^o^
เดินทางง่ายๆจากกรุงเทพ แยกเข้าทางชะอำ  เลยสี่แยกชะอำไปนิดเดียวเอง
อยู่ติดถนนใหญ่ ปะทะสายตาชัวร์!!

The Venezia Hua-Hin (วาเนเซีย หัวหิน)



The Venezia Hua-Hin (วาเนเซีย หัวหิน)
The Venezia Hua-Hin (วาเนเซีย หัวหิน)









งานนี้ไปแบบเหงาๆ 
ภาพเลยไม่เยอะ ภาพทั้งหมดจาก iphone5 ล้วนๆ 
แค่นี้ละกันคะ










วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวเมืองน่าน น่ารัก..น่ารัก

เที่ยวเมืองน่าน น่ารัก..น่ารัก

ใกล้หน้าหนาวแล้ว
เที่ยวน่านกันดีกว่า


คำขวัญ ประจำจังหวัดน่าน
แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง

แต่จุดประสงค์หลักของการมาเมืองน่านครั้งนี้คือ....สักการะพระธาตุประจำปีเกิด ปีเถาะคะ  นั่นคือพระธาตุแช่แห้ง
วัดพระธาตุแช่แห้ง (พระธาตุประจำปีเกิดปีเถาะ) อยู่ที่ ตำบล ม่วงติ๊ด กิ่งอำเภอ ภูเพียง ห่างจากตัวเมืองน่าน 2 กิโลเมตร พระธาตุแช่แห้ง เป็นปูชนียสถานที่สำคัญมีอายุกว่า 600 ปี พญาการเมืองโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1891 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย องค์พระธาตุมีความสูง 55.5 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ22.5 เมตร บุด้วยทองเหลืองปิดทองคำเปลวหมดทั้งองค์  


แต่จุดประสงค์รองลงมาคือ  ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเลื่องชื่อ  ปู่ม่าน-ย่าม่าน กระซิบรักบันลือโลก ที่วัดภูมินทร์
มาดูด้วยตาตัวเองจร้าาาาาาาาา
วัดภูมินทร์ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่สมัยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) ใช้เวลาซ่อม นานถึง 7 ปี จิตรกรรมฝาผนังในวิหารหลวงก็เขียนขึ้นในช่วงนี้ ภาพจิตรกรรมหรือ “ฮูบแต้ม” ในวัดภูมินทร์เป็น ชาดกในพุทธศาสนาแต่ถ้าพิจารณารายละเอียดของวิถีชีวิตของคนเมืองในสมัยนั้น มีภาพที่น่าสนใจอยู่หลายภาพ เช่น ภาพเด่น ของ ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อในสมัยโบราณกระซิบสนทนากัน ผู้ชายสักหมึก ผู้หญิง แต่งกายไตลื้ออย่างเต็มยศ ภาพวาดของหนุ่มสาวคู่นี้มีความประณีตมาก ภาพนี้ได้รับการ ยกย่องว่าเป็นภาพที่งามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์ มีการใช้สีแดง ฟ้าดำ น้ำตาลเข้มเป็นปื้นใหญ่ๆคล้ายภาพสมัยใหม่ ของหนุ่มสาวไตลื้อกำลัง


เอาหละ...มาเริ่มต้นกับการวางแผนเที่ยวน่านกัน
แผนที่การเดินทาง ไป จ.น่าน
              
ออกจากกรุงเทพใช้เส้นทางขึ้นเหนือ  ใช้ทางออกเข้าสู่ 347/อยุธยา/อ. บางปะหัน/ปทุมธานี/อ่างทอง   ตัดเข้าไปยัง ทางหลวงสายเอเชียหมายเลข 1  
 ตรงยาวเลยคร้าาาาา   สิงห์บุรี/ชัยนาท/อุทัยธานี/นครสวรรค์ 
ถึงตรงนี้ให้แยกขวาใช้ทาง 117 ผ่านอ.เก้าเลี้ยว/สามง่าม/ เข้าสู่พิษณุโลก/
อุตรดิตถ์ อ.เด่นชัย/อ.สูงเม่น/แพร่/น่านนนนนน ง่ะ  ถึงแล้วจร้า  
ใช้เวลารวมๆ  แวะๆ กินๆ แล้วก็ประมาณ 7ชั่วโมง นิดๆ คะ






เที่ยวเมืองน่าน by fondjang
แผนการเที่ยวเมืองน่าน

นี่คือแผนการเที่ยวของฝนวันนี้  เราเที่ยวแค่ในเมืองนะคะ เพราะมีเวลาแค่วันเดียว 
แต่ไม่ต้องกลัวคะ  แค่วันเดียวฝนจะพาเที่ยวให้จุใจเลยจร้าาาาาาาา

ฝนออกเดินทางของเช้าวันเสาร์ประมาณ9โมงเช้า ชิวๆ คะ ไม่รีบ ^o^  ขับรถเรื่อยๆ เมื่อยก็แวะ
ถึงน่านก็ประมาณ 4-5โมงเย็น   เข้าที่พักก่อนเลยจร้า  ขออาบน้ำให้หายเหนื่อย แล้วเดวเราออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันนะ ^ ^
วันนี้ฝนจะพักที่นี่เลยคร้าาาา  "เฮือนม่วนใจ๋"  ที่พักน่ารักๆ  แนวโฮมสเตย์ บ้านเรือนไม้ เก่าได้อารมณ์  ราคาก็น่ารักๆ  350บาท/คืน เอง  เลิฟ ๆ   
เนื้อที่กว้างขวาง มีสนามหญ้า ที่จอดรถเพียบ  ไม่มีแอร์นะจ๊ะ  อากาศที่นี่เย็นอยู่แล้ว  
ห้องน้ำรวม สะอาดใช้ได้













เฮือนม่วนใจ๋
โฮมสเตย์สุดชิค
แผนที่ที่พักโฮมสเตย์เฮือนม่วนใจ๋ จ.น่าน





เอาหละ..อาบน้ำเรียบร้อย หิวแล้ว..ไปหาไรทานกันดีฝ่าาาาาาาาาาาา 
เย็นนี้เราเลือกที่จะทานเตี๋ยวร้อน  ขับรถเข้าไปในเมืองแถวๆ ถนนสุมนเทวราช  แถวๆ วัดหัวเวียงใต้ 
เตี๋ยวไร้เทียมทาน... เป็นก๋วยเตี๋ยวประมาณว่าต้มยำกระดูกหมู,  กระดูกอ่อน  อร่อยเหาะ!!! ^o^




ต่อด้วยขนมหวานๆ  บัวลอยไอติม!!  ร้านของหวานป้านิ่ม
อันนี้ก็...ฟิน ฝุด ฝุด
ร้านอยู่แยกเข้าเมือง ตรงข้ามวัดศรีพันต้น คะ  อยู่ริมถนน หาง่าย
เมนูแนะนำ...นี่เลย>>>ไอติมบัวลอย  สุดฟิน!!!




แผนที่ร้านขนมหวานป้านิ่ม แผนที่ร้านเตี๋ยวไร้เทียมทาน จ.น่าน
สำหรับคืนนี้...อิ่มอร่อย พุงกางแล้ว  และเพลียจากการเดินทางเล็กน้อย 
ขอกลับที่พักเพื่อพักผ่อนเอาแรงก่อนล่ะกันนะจ๊ะ  
แล้วพรุ่งนี้เราจะไปทำภาระกิจสำคัญสำหรับทริปนี้ 
 >>>>สักการะพระธาตุประจำปีเกิดปีเถาะ คือพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน นี่เอง


^o^..................................^o^

เช้านี้...ตื่นเช้าหน่อยล่ะกันเน๊อะ (คือปกตินางตื่น 9โมง  10โมง  เอิ๊ก..เอิ๊ก)
ไปเดินเล่นตลาด วิถีคนเมืองน่านนนนนน
ตลาดเช้าเมืองน่าน ตลาดสดตั้งจิตนุสรณ์อยู่ถนนตรงข้ามกับโรงแรมเทวราชและโรงแรมน่านฟ้า ตลาดเช้าเมืองน่านเป็นตลาดสดที่มีพ่อค้าแม่้ค้า วางของขายที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกล มีทั้งพืชผักสดๆ จากสวน ผลไม้ หรือแม้แต่มีกับข้าวสำเร็จ ที่มีข้าวเหนียวร้อน จิ้นปิ้ง(หมูปิ้ง) ตับปิ้ง น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกตาแดง หรือโจ๊กร้อนๆพร้อมปาท่องโก๋ ตลาดเช้าเืมืองน่านเริ่มตั้งแต่เวลา 04.00 - 07.00 น.
กิจกรรม : ทำบุญใส่บาตรยามเช้า เดินชมตลาดเช้าของพื้นเมืองน่าน 
ชิมอาหารพื้นบ้านมื้อเช้าขอคนเมืองน่าน






อิ่มแล้ว..ไปต่อเลยจร้าาาาาาา>>>>>  ทำภาระกิจสำคัญสำหรับทริปนี้ 
 >>>>สักการะพระธาตุประจำปีเกิดปีเถาะ คือพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน นี่เอง

ตามความเชื่อเรื่องการไหว้พระธาตุพระจำปีเกิดของชาวล้านนา เชื่อว่าคนเกิดปีเถาะมีพระธาตุประจำปีเกิด คือ“พระธาตุแช่แห้ง” ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน ซึ่งผู้ที่เกิดปีเถาะ อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตควรหาโอกาสไปกราบนมัสการพระธาตุแช่แห้งสักครั้ง เพื่อเป็นการเสริมบุญบารมีให้เกิดความเป็นสิริมงคลในชีวิต
       
       
วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน

วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน

วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน พระธาตุประจำปีเกิดปีเถาะ
ความเป็นมาของพระธาตุแช่แห้ง
       
       “พระธาตุแช่แห้ง” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองน่าน ตามตำนานของพระธาตุองค์นี้กล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดสัตว์มาถึงภูเพียงแช่แห้ง และพบกับพระอมละราชและพระมเหสีที่มาสรงน้ำที่เดียวกับพระองค์สรงน้ำอยู่ พระอมละราชได้ถวายผ้าขาวให้พระพุทธเจ้าใช้สรงน้ำ แต่ผ้านั้นกลายเป็นทองคำ พระอานนท์จึงขอพระเกศาธาตุบรรจุในกระบอกไม้ซาง มอบให้พระอินทร์นำไปเก็บในอุโมงค์พร้อมผ้าทอง โดยพระอินทร์ได้ก่อพระเจดีย์สูง 7 ศอกไว้ด้านบน
 ต่อมาราวปีพ.ศ. 1896 สมัยพระยากานเมือง ได้ส่งช่างไปร่วมสร้างวัดหลวงที่สุโขทัย พระยาลือไทยจึงมอบพระธาตุ 7พระองค์ และพระพิมพ์คำ พระพิมพ์เงินอย่างละ 20 องค์ ให้พระยากานเมือง ซึ่งได้นำไปบรรจุไว้ที่ภูเพียง และพบพระเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุและพระธาตุข้อมือข้างซ้ายของพระพุทธเจ้า พระองค์จึงให้ทำอุโมงค์ประดิษฐานพระบรมธาตุใหม่ และก่อพระเจดีย์เป็น “พระธาตุแช่แห้ง” คู่เมืองน่านมาจนทุกวันนี้ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนมากราบสักการะกัน
       
      
วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน

วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน
 ปริศนาธรรมคำว่า “แช่แห้ง”
       
       หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่าทำไมจึงชื่อว่า “พระธาตุแช่แห้ง” เพราะหากคิดตามความเป็นจริงคำว่าแช่ก็ควรจะต้องเปียก แต่แล้วทำไมจึงแห้ง ในเรื่องนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับหลักธรรม โดยอาจารย์สมเจตน์ วิมลเกษม ครูภูมิปัญญาไทย โรงเรียนสตรีศรีน่าน ได้อธิบายให้ฟังว่า คำว่า “แช่แห้ง” เป็นคำที่นักปราชญ์ยกย่องให้เป็นมงคลนามยิ่ง เป็นประหนึ่งกุญแจที่จะไขปริศนาธรรมทั้งมวลจนดิ่งลึกเข้าสู่แดน สุญญตา คือความว่างจากตัวตน อันเป็นสุดยอดของอมฤตธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า “แช่แห้ง” จึงมีความหมายโดยนัยว่า ยอดคนหรือมหาบุรุษเท่านั้นที่จะทำตัวให้แห้งอยู่ในสภาวะแห่งความเปียกปอนของอวิชชา ความมืดบอด แห่งสรรพกิเลศตัณหาต่างๆ ที่มากมายยิ่งกว่าสายน้ำและมหาสมุทรทั้งหลายในโลกรวมกัน มนุษย์จะสามารถมีความสุขท่ามกลางทะเลแห่งความทุกข์ยากอันหมายถึงมหาวัฏฏสงสารได้อย่างไร


วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน

วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน
แผนที่วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน
ภาระกิจต่อไป >>>>  วัดภูมินทร์


วัดภูมินทร์
            เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์” เป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ในเขตพระนครดังปรากฏชื่อ ตำบลในเวียงในปัจจุบัน เจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2139  ต่อมาอีกประมาณ  300 ปี  มีการบูรณะครั้งใหญ่ ในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิ์เดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4)  ใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง  7 ปี
            ความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ ที่เป็นหนึ่งเดียว คือ  เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาคขนาดใหญ่  2 ตัว แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว  ตรงใจกลางพระอุโบสถจัตุรมุข ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่  4 องค์ หันพรพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศหันเบื้องปฤษฏาค์ชนกัน ประดับนั่งบนฐานซุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
            อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ในหลังเดียวกัน โดยใช้อาคารในแนว ตะวันออก-ตะวันตก เป็นพระวิหาร และอาคารแนว เหนือ-ใต้ เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่  2      
            ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง แสดงเรื่องราวชาดก  วิถีชีวิตตำสนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต ได้แก่ การแต่งกายคล้ายผ้าซิ่นลายน้ำไหล การท่อผ้าด้วยกี่ทอมือ  การติดต่อซื้อขายกับชาวต่างชาติ     สิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ บานประตูแกะสลักลึกเป็น 3 ชั้น บนไม้สักทองแผ่นเดียวขนาดใหญ่ ความหนาของไม้ประมาณ 4 นิ้วสลักเป็นลวดลายเครือเถา ที่ทั้งดอกและมีผลระย้า รวมทั้งสัตว์นานาชนิด ฝีมือช่างเมืองน่าน
           หอไตรวัดภูมินทร์ ลักษณะ สร้างขึ้นใหม่เลียนแบบของเดิม เมื่อ 5 มีนาคม 2537 อาคารสี่เหลียมทรงสูงสองชั้นก่ออิฐถือปูน มีบันใดภายในตัวอาคาร ชั้นบนมีระเบียง หลังคามีช่อฟ้าใบระกา


ภาพจิตรกรรมหรือ “ฮูบแต้ม” ในวัดภูมินทร์เป็น ชาดกในพุทธศาสนาแต่ถ้าพิจารณารายละเอียดของวิถีชีวิตของคนเมืองในสมัยนั้น มีภาพที่น่าสนใจอยู่หลายภาพ เช่น ภาพเด่น ของ ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อในสมัยโบราณกระซิบสนทนากัน ผู้ชายสักหมึก ผู้หญิง แต่งกายไตลื้ออย่างเต็มยศ ภาพวาดของหนุ่มสาวคู่นี้มีความประณีตมาก ภาพนี้ได้รับการ ยกย่องว่าเป็นภาพที่งามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์ มีการใช้สีแดง ฟ้าดำ น้ำตาลเข้มเป็นปื้นใหญ่ๆคล้ายภาพสมัยใหม่ ของหนุ่มสาวไตลื้อกำลัง

คำกระซิบรัก ปู่ม่าน-ย่าม่าน

คำฮักน้องกูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาขะลุ้ม จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป ก็เลยเอาไว้ในอกในใจ๋ตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้ ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา...

คำแปล
ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะเอาความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น


โรแมนติกจริงเชียว!!! ^o^




วัดพระธาตุช้างค้ำ

วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เดิมเรียกว่า “วัดหลวงกลางเวียง” หรือ “วัดช้างค้ำ” อยู่ในเขตเทศบาลเมืองน่าน เลขที่ ๑๓ ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2492 โดยพญาภูเข่ง เจ้าผู้ครองนครน่าน เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพระพุทธศาสนา และพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาในอดีต



>>>>><<<<<

>>>>><<<<<



เริ่มหิวอีกแล้ว  เที่ยงนี้หาอาหารเหนือๆ ทานกันดีกว่า
ร้านแซ่บยกกำลัง2
 บรรยากาศร่มรื่นใช่ได้เลย!!!

 อ่อมหมู!!!

 ลาบหมูคั่ว!!  แซ่บสุโค้ย



ชอบอันนี้ที่สุด....  ตำคะน้า!!!  แซ่บฝุด ฝุด


เสร็จสิ้นภาระกิจทุกๆ อย่าง ที่เมืองน่านนี้แล้ว 
สำหรับทริปนี้ ประทับใจสุดๆ  
รักเมืองน่านเลยคะ
^ ^



ขอบคุณประเทศไทย